ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

คาด SET ผันผวนก่อนประชุมเฟด เน้นหุ้นบาทอ่อน

Investment Ideas:

• ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (25 ถึง 29 เม.ย.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,คาดSETผันผวนก่อนประชุมเฟดเน้นหุ้นบาทอ่อนสถานะในอดีต655-1,710 จุด (แนวรับ 1,665-1,660 / แนวต้าน 1,700-1,710) SET สัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดที่ 1,690.59 จุด เพิ่มขึ้น 16.25 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 70,004.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%WoW เราคาดว่าการซื้อขาย ในสัปดาห์นี้ จะเป็นไปอย่างผันผวน ก่อนการประชุม FOMC ที่จะเกิดขึ้นสัปดาห์หน้า (3-4 พ.ค.) โดย ปัจจัยกดดันอยู่ที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะไม่น้อยกว่า 50bps ในการประชุมเดือน พ.ค. และ อีก 50bps ในการประชุมเดือน มิ.ย. รวมไปถึงแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราเร่ง ของ อังกฤษและยูโรโซน เพื่อลดผลกระทบจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย จะยังเป็นปัจจัยกดดันภาพรวม การลงทุน โดยเฉพาะท่าที่ล่าสุดของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีความเห็น ว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้น ที่ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี 2565 ประเด็นที่น่าติดตามอยู่ที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ การประชุม Bol (28 เม.ย.) ความเสี่ยงจีนการดําเนิน นโยบายล็อกดาวน์ กลยุทธ์การลงทุน เรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม Domestic play เลือก HMPRO CPALL (BK:CPALL) และ MAKRO เป็นหุ้นเด่น รวมไปถึง หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เรา เลือก BLA หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า เราเลือก ASIAN SAPPE SMPC และ MEGA หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS MINT SHR และ VRANDA

คาด SET ผันผวนก่อนประชุมเฟด เน้นหุ้นบาทอ่อน

• ภาพรวมการลงทุนถูกกดดันก่อนการประชุม FOMC เดือน พ.ค. (3-4 พ.ค.) เราเลือก BLA เป็นหุ้นเด่น

– ผลจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการกล่าวสุนทรพจน์ว่า ด้วยเศรษฐกิจโลกในการ ประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (21 เม.ย.) เพิ่มความชัดเจนให้กับการ ดําเนินนโยบายการเงิน โดยเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ระหว่างวันที่ 3-4 พ.ค. อีก 50bps ซึ่งจะทําให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 0.756-1.0% รวมไปถึงการเริ่มลด ขนาดงบดุลในกรอบ 9.5 หมื่นล้านบาทต่อเดือน (เป้าหมายการลดขนาดงบดุลเหลือ 7 ล้านล้านเหรียญ ภายในสิ้นปี 2566) เพื่อลดผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง พร้อมเป้าหมายที่จะปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 2.5% ภายในสิ้นปี 2566 ซึ่งเท่ากับว่าการประชุม 5 ครั้งที่เหลือของปี 2566 หลัง การประชุมเดือน พ.ค. เฟดจะทําการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1.5% ซึ่งจะทําให้มีอีกอย่างน้อย 1 ครั้งที่ เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50bps และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือน มิ.ย. (14-15 มิ.ย.) ทันทีที่การกล่าวสุนทรพจน์สิ้นสุดลง Market Consensus เพิ่มน้ําหนักความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย 50bps ในเดือน พ.ค. โดย FedWatch Tool ของ CME Group ให้น้ําหนักมากถึง 97.6% ขณะที่ FedWatch ประเมินว่าการประชุมเดือน มิ.ย. มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 50bps มากถึง 29.9% และขึ้นดอกเบี้ย 75bps มากถึง 69.8% ประเด็นดังกล่าว เรามองเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้น แต่ หุ้นที่ได้ประโยชน์ เราเลือก BLA เป็นหุ้นเด่น ค่าเงินบาทเดือน เม.ย. อ่อนค่าลงกว่า 18% เรามองเป็นบวกต่อ ASIAN และ SAPPE – ทิศทางค่าเงินบาทใน เดือน เม.ย. ล่าสุดอ่อนค่าใกล้ระดับ 34 บาทต่อเหรียญ อ่อนค่าลง 0.61 บาท (+1.86) ความกังวลต่อการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราเร่งของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เพื่อความเสี่ยงต่อการที่จะเห็นเงินทุน ไหลออก ซึ่งจะทําให้ค่าเงินบาท มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง เรามองการอ่อนค่าดังกล่าวจะเป็นบวกต่อ ASIAN SAPPE SMPC และ MEGA โดยเรายังให้น้ําหนัก SAPPE และ ASIAN เป็นหุ้นเด่น

ศบค. ชุดใหญ่ ยกเลิก Test & Go เริ่ม 1 พ.ค. เลือก BEM AOT SHR BH BDMS SINGER CPALL GLOBAL BJC และ MAKRO เป็นหุ้นเด่น - ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค. ชุดใหญ่) มีมติยกเลิกมาตรการเข้า ประเทศในรูปแบบ Test & Go ที่ต้องตรวจ RT-PCR โดยปรับให้ใช้เพียงการตรวจ ATK มีผล 1 พ.ค. 65 การ ผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว เปิดทางให้กับชาวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย โดยมีข้อจํากัดที่ลดลง เรา มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งธุรกิจสนามบิน ธุรกิจสายการบิน และธุรกิจโรงแรม ได้แก่ AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW SHR และ VRANDA รวมทั้งกลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์ ทางอ้อม ได้แก่ กลุ่มขนส่งในประเทศ เราเลือก BEM กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล ได้แก่ BH และ BDMS และกลุ่ม ค้าปลีก ได้แก่ HMPRO SINGER CPALL CRC GLOBAL BJC และ MAKRO อย่างไรก็ตามภาพรวมการลงทุน ที่คาดว่าจะเป็นไปอย่างผันผวน ทําให้เราเลือกกลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่มีความแข็งแกร่งโดดเด่น เรา เลือก BEM AOT SHR BH BDMS SINGER CPALL GLOBAL BJC และ MAKRO เป็นหุ้นเด่น มุมมองทางเทคนิค – เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,675-1,700 จุด / หุ้นแนะนําปัจจัยทาง เทคนิค เราเลือก CPALL ASIAN และ BH

บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: