ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

คาด SET ซื้อขายผันผวน และขาดปัจจัยหนุน

Investment Ideas:

ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,คาดSETซื้อขายผันผวนและขาดปัจจัยหนุนอันดับทุนสำรองแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 10 อันดับแรกประจำปี 2022650-1,670 จุด เราคาดว่า SET จะ ยังคงผันผวน และเคลื่อนไหวในกรอบ sideway ถึง sideway down เนื่องจากขาดปัจจัยบวกสนับสนุน การฟื้นตัว ประกอบกับความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่จะมีการประชุมในวันที่ 3-4 พ.ค. ภาพรวมการลงทุนยังมีปัจจัยเสี่ยงจาก ภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง ภาวะ เงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มในอัตราเร่ง สถานการณ์ความไม่แน่นอนของรัสเซีย-ยูเครน และการดําเนินนโยบาย การเงินที่ดึงตัวมากขึ้น ทั้งเฟด ECB และ BoE สะท้อนจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยตลาดพันธบัตร และทําให้เกิดแรงขายสินทรัพย์เสียง กลยุทธ์การลงทุน เรายังเน้น Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวก เฉพาะตัว และต้องเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลกระทบจากปัจจัยเสียงต่ํา เรายังให้ น้ำหนัก (1) หุ้นในกลุ่ม Domestic play เลือก BEM PTG OR HMPRO CPALL (BK:CPALL) CRC CPN BJC DOHOME และ MAKRO

คาด SET ซื้อขายผันผวน และขาดปัจจัยหนุน

(2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เราเลือก BLA และ TIPH

(3) หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า เราเลือก ASIAN SAPPE SMPC และ MEGA และ

(4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS MINT SHR และ VRANDA กบน. มีมติปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลในประเทศแบบขั้นบันได เริ่ม 1 พ.ค.

- ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบปรับขึ้นราคาขายปลีกดีเซลแบบขั้นบันได เป็น 32 บาทต่อลิตร โดย กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะอุดหนุนครึ่งหนึ่งของราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ จะมีการทบทวนทุก 7 วัน ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หากราคาในตลาดโลกยังคงปรับเพิ่ม จะมีการพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลในประเทศ ไม่เกินครั้งละ 1 บาท แต่จะไม่ให้เกินเพดานที่ 35 บาท ต่อลิตร จากมาตรการปัจจุบันที่ภาครัฐฯ ประกาศตรึงไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค. ขณะที่ มาตรการลดภาษีสรรพสามิตในน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุด 20 พ.ค. 65 นอกจากนี้จะยังมีการปรับ ราคาก๊าซหุงต้มครั้งที่ 2 เพิ่ม 1 บาทต่อกิโลกรัม วันที่ 1 พ.ค. และครั้งที่ 3 เพิ่มอีก 1 บาทต่อกิโลกรัม วันที่ 1 มิ.ย. (ครั้งแรก 1 เม.ย. ปรับขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม) โดยจะทําให้ราคา ก๊าซหุงต้มปรับขึ้นจาก 333 บาท เป็น 348 บาท ในวันที่ 1 พ.ค. และปรับขึ้นเป็น 363 บาท ในวันที่ 1 มิ.ย. ด้านฐานะกองทุนน้ำมันล่าสุด (ข้อมูลสิ้นสุด 24 เม.ย.) ติดลบ 56,278 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 24,302 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบ 31,976 ล้านบาท จึงจําเป็นต้องทยอยปรับราคาดีเซลขึ้น แบบขั้นบันได เพื่อแบ่งเบาภาระกองทุนในระดับหนึ่ง แต่รัฐยังอุดหนุนอยู่ครึ่งหนึ่งของอัตราที่ปรับขึ้น

สภาพัฒน์ประเมินราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่ม หนุนเงินเฟ้อ และทําให้ประมาณการ GDP มี Downside - ผล การศึกษาของสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ก่อนหน้านี้ ที่ศึกษา Sensitivity ผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลต่อ GDP ของไทย ภายใต้ 3 สมมติฐาน พบว่า

(1) กรณีราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบอยู่ที่ 100 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาดีเซลในประเทศ จะอยู่ที่ 33 บาทต่อ ลิตร เงินเฟ้อ 5% อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2565 ขยายตัว 3.5%

(2) กรณีราคาน้ำมันดิบ ตลาดดูไบ 125 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซลจะอยู่ที่ 40 บาทต่อลิตร เงินเฟ้อ 6.2% GDP ในปี 2565 ขยายตัว 3.2% และ

(3) กรณีราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ 150 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซลจะอยู่ที่ 46 บาทต่อลิตร เงินเฟ้อ 7.2% GDP ในปี 2565 ขยายตัว 3.0% EIA รายงานปริมาณสํารองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด หนุนราคาน้ำมันระยะสั้น - ราคาน้ำมันดิบปรับ เพิ่มขึ้น ตอบรับเชิงบวกต่อรายงานสํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงาน ปริมาณสํารองน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 692,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ Market Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สอดคล้องกับสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่ม อุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ รายงานก่อนหน้านี้ว่า ปริมาณสํารองน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.7 ล้าน บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่รายงานปริมาณสํารองน้ำมันสําเร็จรูปลดลง ทั้งปริมาณสํารองน้ำมัน เบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล (คาดเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล) และปริมาณสํารองน้ำมันกลั่น (รวมถึงฮีตติ้ง ออยล์และน้ำมันดีเซล) ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล (คาดลดลง 100,000 บาร์เรล) การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ เรามองเป็นเพียงระยะสัน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบที่ไม่แข็งแกร่ง ทําให้เลือกให้น้ำหนักหุ้น ในกลุ่ม Anti-Commodity เราเลือก EPG PTG DSP CBG CPALL และ BJC ประเด็นที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ (1) 28 เม.ย. ดัชนียอดขายปลีกของญี่ปุ่น (เมื่อเทียบ YoY) ในเดือน มี.ค. ดัชนี GDP สหรัฐ (เมื่อเทียบ QoQ) ในช่วง 1Q65 การประชุม Bo) และ (2) 29 เม.ย. ดัชนี PMI ภาคการ ผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin ในเดือน เม.ย. รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานดัชนีการทําสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือน มี.ค. ลดลง 1.2%MoM สู่ระดับ 103.7 จุด เป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 มุมมองทางเทคนิค – หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก SABINA ASIAN และ KSL

บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: