ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้น Selective หุ้นมีปัจจัยบวก พื้นฐานดี

Investment Ideas:

ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นSelectiveหุ้นมีปัจจัยบวกพื้นฐานดีช่วงเวลาของเพื่อนทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 5-10 เท่า655-1,680 จุด เราคาดว่า SET ยังคงมีโอกาสปรับลดลงต่อเนื่อง จากความเสี่ยงต่อการดําเนินนโยบายการเงินที่ดึงตัวมากขึ้น ทั้งเฟด ECB และ Bol สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับเพิ่มขึ้น กดดันภาพรวมการลงทุน โดยเฉพาะในสินทรัพย์เสี่ยง กลยุทธ์การลงทุน เรายังเน้น Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และต้องเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่ํา เรายังให้น้ําหนักหุ้นใน กลุ่ม Domestic play เลือก HMPRO CPALL (BK:CPALL) และ MAKRO เป็นหุ้นเด่น รวมไปถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์ จากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เราเลือก BLA หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า เรา เลือก ASIAN SAPPE SMPC และ MEGA หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS MINT SHR และ VRANDA ECB มีโอกาสปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่ม 3 ครั้งในปี 2565 - คณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีความเห็นว่า ECB ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ และคาดว่าจะมี โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 3 ครั้งในปี 2565 ครั้งละ 0.25% โดยที่ผ่านมา ECB ได้ชะลอการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงปรับเพิ่มในอัตราเร่ง และสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ทาง ECB ตั้งไว้ที่ ระดับ 2% ทําให้กรรมการ ECB หลายท่านออกมาเรียกร้องให้ยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษ ซึ่ง ECB ใช้มาเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี โดยการประชุมครั้งหลังสุด (14 เม.ย.) ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ย รีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ําสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคาร พาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% นอกจากนี้ ECB ประกาศ จะยุติการซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ Asset Purchase Programme (APP) ใน 3Q65 เร็วกว่าที่ระบุไว้ก่อน หน้านี้ โดยเราคาดว่าจะเป็นการยุติโครงการเพื่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่รายงานล่าสุด เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 7.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2% ติดตาม การประชุม ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ครั้งต่อไปวันที่ 9 มิ.ย.

กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้น Selective หุ้นมีปัจจัยบวก พื้นฐานดี

• ราคาน้ำมันดิบฟื้น แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่แข็งแกร่ง เรายังเลือก EPG PTG QSP CBG CPALL และ BJC เป็นหุ้นเด่น

- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTIส่งมอบเดือน มิ.ย. กลับมาฟื้นตัว หลังทางการจีนประกาศเพิ่ม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเพื่อการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับ ผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ รวมไปถึงสะท้อนความกังวลต่อรายงานของ Bloomberg ที่ระบุว่ารัสเซีย หยุดขายก๊าซฯ ไปให้โปแลนด์ หลังไม่ยอมจ่ายค่าก๊าซฯ ด้วยเงินรูเบิล ทําให้ราคาก๊าซฯ ปรับเพิ่มอย่างมี นัยสําคัญ รวมไปถึงราคาพลังงานทุกประเภท รวมทั้งราคาน้ํามันดิบ ประเด็นดังกล่าวถือว่ามีนัยสําคัญ เนื่องจากปัจจุบันโปแลนด์พึ่งพาก๊าซฯ จากรัสเซียมากถึง 556 ของการบริโภครวมในประเทศ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาโปแลนด์แสดงจุดยืนที่ชัดเจน ที่จะไม่จ่ายค่าก๊าซฯ ด้วยสกุลเงินรูเบิล โดยโปแลนด์วางแผนรับมือ และ เชื่อว่าจะสามารถรับมือกับการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียได้ นอกจากนี้ราคาน้ํามันดิบกลับมาฟื้นตัว จากแรงซื้อกลับ หลังสะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้น้ํามันที่อาจชะลอตัว หลัง ธนาคารโลก และ IMF ปรับลดประมาณการ GDP โลกปี 2565-2566 เหลือขยายตัวเพียง 3.6% ทั้งในปี 2565 และ 2566 โดยลดลงจากประมาณการเดิม (รายงานเดือน ม.ค.) ที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 4.4% ในปี 2565 และ 3.8% ในปี 2566 รวมไปถึงความต้องการใช้น้ํามันจากจีนที่คาดว่าจะลดลง หลังทางการจีน ประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ และบางส่วนของกรุงปักกิ่ง เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ราคาน้ํามันดิบฟื้นตัว แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่แข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยลบข้างต้นคาดว่าจะกลับมากดดันราคา น้ํามันดิบในระยะต่อไป ทําให้เรายังคงให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม Anti-Commodity เราเลือก EPG PTGOSP CBG CPALL และ BJC • ประเด็นที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ (1) 27 เม.ย. รายงานกําไรภาคอุตสาหกรรมของจีน (เมื่อเทียบ YoY) ใน เดือน ก.พ. ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขายในสหรัฐฯ (เมื่อเทียบ MoM) ในเดือน มี.ค. (2) 28 เม.ย. ดัชนี ยอดขายปลีกของญี่ปุ่น (เมื่อเทียบ YoY) ในเดือน มี.ค. ดัชนี GDP สหรัฐ (เมื่อเทียบ QoQ) ในช่วง 1Q65 การ ประชุม Bo) และ (3) 29 เม.ย. ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin ในเดือน เม.ย. รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจ - ผลสํารวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 107.3 จุด (คาดที่ระดับ 108.0 จุด) ลดลงจากเดือน มี.ค. ที่ระดับ 107.6 จุด ดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือน ข้างหน้าได้ชะลอตัวลง แต่ความต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงมีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นของ ผู้บริโภคสหรัฐฯ เป็นการสํารวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน

• มุมมองทางเทคนิค - หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก TIPH BH และ ERW

บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: