ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.81/83 ทรงตัวจากช่วงเช้า หลังกนง.ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด โดย InfoQuest

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.81/83 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70 - 32.86 บาท/ดอลลาร์ปัจจัยวันนี้ คือ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามตลาดคาดการณ์ว่า มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.50% ต่อปี และมีผลใช้ทันที ด้านสกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่แข็งค่านักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.70 - 32.90 บาท/ดอลลาร์สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ วันศุกร์จะมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คือ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)

* ปัจจัยสำคัญ

ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.81/83 ทรงตัวจากช่วงเช้า หลังกนง.ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด โดย InfoQuest

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 129.87/89 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 130.26 เยน/ดอลลาร์- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0880/0884 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 1.0889 ดอลลาร์/ยูโร- ดัชนี ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,ภาวะตลาดเงินบาทปิดทรงตัวจากช่วงเช้าหลังกนงขึ้นดอกเบี้ยตามคาดโดยแพลตฟอร์ม Forex TR เป็นทางการหรือไม่682.11 จุด ลดลง 0.83 จุด (-0.05%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 57,921 ล้านบาท- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 676.80 ลบ. (SET+MAI)- ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก1.25% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที คณะกรรมการฯ เห็นว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ- กนง. ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องย้ำทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากมีมติล่าสุดขึ้นมา 0.25% ตามตลาดคาด แต่จับตาทิศทางอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด หลังจากเห็นสัญญาณการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่ได้แบกรับภาระเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาแต่ยังปรับขึ้นราคาหรือค่าบริการไม่ได้ ส่งผลให้มีต้นทุนที่ค้างคาอยู่จำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์รอบด้านที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่คาดหวังนักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว น่าจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะต่อไป- Krungthai COMPASS ประเมินมูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตได้ 0.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของจีน ซึ่งหลังจากทางการจีนผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID ในเดือนม.ค. 66 ได้ส่งผลให้แนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศของจีนจะทยอยฟื้นตัว และภาคการผลิตของจีนที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะช่วยให้แนวโน้มปัญหาsupply chain disruption คลี่คลายมากขึ้น ซึ่งคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศจีน- ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBEIC) คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2566 จะขยายตัวได้1.2% ลดลงจากประมาณการเดิมก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการจัดเก็บภาษีการนำเข้ารูปแบบใหม่ของประเทศคู่ค้าสำคัญ แม้ในระยะต่อไป การส่งออกสินค้าของไทยจะได้รับอานิสงส์จากการยกเลิกมาตรการ ZERO-COVID ในจีนอยู่บ้างก็ตาม- รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดประมาณการเศรษฐกิจรายเดือนลงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือนในเดือนนี้ เนื่องจากการค้าทรุดตัวลงจากผลพวงของภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว- นายคริส ฮิปกินส์ ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในวันนี้ (25 ม.ค.) หลังจากที่นางจาซินดา อาร์เดิร์นได้ลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: