ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

อิสราเอลยกระดับการทิ้งระเบิด ทรัมป์เตือนการอพยพจากเตหะราน

923 以色列

ในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงทวีความรุนแรง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำเตือนเร่งด่วนในช่วงการประชุม G7 ที่แคนาดาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้ "ทุกคนควรออกจากเตหะรานทันที" และย้ำอิหร่านต้องยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เขาเสนอ ขณะเดียวกัน อิสราเอลก็ให้คำมั่นว่าจะโจมตีสถานีจรวดและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตะวันออกกลางตกอยู่ในความไม่สงบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทรัมป์ออกคำเตือนรุนแรง อิสราเอลโจมตีทางอากาศถี่ขึ้น

ทรัมป์เขียนบนโซเชียลมีเดียว่า "อิหร่านต้องลงนามในข้อตกลง...ทุกคนควรออกจากเตหะรานทันที" คำพูดนี้ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่าอาจมีข่าวกรองเกี่ยวกับการดำเนินการทางทหารครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่นานก่อนที่ทรัมป์จะออกแถลงการณ์ อิสราเอลได้เตือนให้หลายชุมชนในเตหะรานอพยพ หลังจากนั้นก็เกิดระเบิดหลายในพื้นที่ฝั่งตะวันออก

อิสราเอลยกระดับการทิ้งระเบิด ทรัมป์เตือนการอพยพจากเตหะราน

ในระหว่างการประชุม G7 ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้แย้มว่า "ทันทีที่ผมจากที่นี่ เราจะทำอะไรบางอย่าง" ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดเดาว่าสหรัฐฯ และอิสราเอลอาจจะขยายขอบเขตการโจมตีร่วมกัน

นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้กล่าวว่า "อิหร่านต้องละทิ้งความสามารถด้านจรวดและนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง" และเน้นย้ำว่า "ให้เวลาอีกฝ่าย 60 วัน" ซึ่งหลังจากนั้นจะไม่มีทางเลือกอื่นในขณะนี้ กองทัพอิสราเอลอ้างว่าได้ควบคุมพื้นที่อากาศของอิหร่านส่วนใหญ่และทำลายหลายสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารที่สำคัญ

อิหร่านประกาศตอบโต้ ตะวันออกกลางอาจสู่ขอบเขตสงครามเต็มรูปแบบ

ประธานาธิบดีอิหร่านได้กล่าวกับประธานาธิบดีตุรกีว่า "เราไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลาย แต่การโจมตีใดๆ จะต้องทำให้อิสราเอลเสียใจ" รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านย้ำว่าไม่ได้ยุติการเจรจา แต่เน้นให้ความสำคัญกับการทำให้อิสราเอลต้องจ่ายค่าปรับ

มีรายงานว่าฝ่ายอิหร่านมีผู้เสียชีวิต 224 คนตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่รายงานของอิสราเอลระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 24 คน บาดเจ็บ 592 คน การขัดแย้งยังคงรุนแรงและไม่มีสัญญาณบรรเทา

ทองคำพุ่งสูงขึ้น น้ำมันผันผวน อารมณ์ตลาดตึงเครียด

เมื่อความขัดแย้งทวีความรุนแรง ทรัพย์สินสเถื่อนกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในเวลา 24 ชั่วโมง ทะลุ 2400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ นักลงทุนเกรงว่าความขัดแย้งอาจลุกลามไปยังช่องแคบฮอร์มุซ และทำให้ห่วงโซ่อุปทานพลังงานเกิดความวุ่นวายอย่างเต็มระบบ

แนวโน้มราคาน้ำมันซับซ้อนมากขึ้น หลังจากที่วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าอิหร่านเต็มใจเจรจากับสหรัฐฯ อีกครั้ง ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 4% ลงมาอยู่ริม 85 ดอลลาร์ แต่หลังจากที่ตลาดกลับมาแก้ไขราคาขาดลด ความผันผวนในตลาดน้ำมันจะยังเป็นปัจจัยความเสี่ยงที่สูงขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ความขัดแย้งและการทูต

ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เคยเพิ่มขึ้นหลังจากตกลง ขณะที่พันธบัตรยุโรปยังคงมีเสถียรภาพ สะท้อนให้เห็นว่าตลาดทุนทั่วโลกกำลังประเมินความเสี่ยงใหม่ในการจัดสรรเงินทุน

ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ กดดัน หุ้นอุตสาหกรรมป้องกันตัวอาจได้รับประโยชน์อีกครั้ง

ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อยหลังจากข่าวออกมา ฟิวเจอร์ส S&P 500 ลดลง 0.5% อย่างไรก็ตาม กลุ่มหุ้นอุตสาหกรรมป้องกันตัวอาจได้รับประโยชน์ระยะสั้น เช่นบริษัท Raytheon และ Lockheed Martin อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน นอกจากนี้กองทุน ETF ทองคำและสกุลเงินปลอดภัยเช่น ฟรังก์สวิส และเยนญี่ปุ่นก็มีสัญญาณซื้ออย่างชัดเจน

นักวิเคราะห์ตลาดชี้ว่าหากรัฐบาลทรัมป์ดำเนินการทางทหารต่อไป ความผันผวนในตลาดทั่วโลกจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียและตลาดเกิดใหม่

สัญญาณสงครามปล่อยตัว ตลาดเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ

จากการที่อิสราเอลเพิ่มการโจมตีทางอากาศไปจนถึงคำเตือนการอพยพของทรัมป์ ทุกเหตุการณ์ที่ทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงกระทบตลาดการเงินทั่วโลก นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดถึงแนวโน้มการทหารของสหรัฐอเมริกาและความเป็นไปได้ในการทูต ทองคำ พลังงาน และหุ้นอุตสาหกรรมป้องกันตัวจะยังคงเป็นจุดสังเกตสำคัญภายใต้ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น

商務合作 Telegram Eng商務合作 Skype ENGคำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิดชอบ

ตลาดมีความเสี่ยง และการลงทุนควรทำด้วยความระมัดระวัง บทความนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุน สถานการณ์ทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ ผู้ใช้ควรพิจารณาว่าความคิดเห็น มุมมอง หรือข้อสรุปในบทความนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนหรือไม่ การลงทุนจากข้อมูลนี้ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัว

แบ่งปัน: