ตลาดนิวยอร์กมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระยะสั้น

ทรัมป์เรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างหนัก, เฟดประสบแรงกดดันอีกครั้ง

เวลาในท้องถิ่นวันที่ 11 มิถุนายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลของเขาว่า "ทรูโซเชียล" เรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เขากล่าวว่าข้อมูล CPI ของสหรัฐในเดือนพฤษภาคม "น่าพอใจ" และหากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงตามควร ก็จะลดการจ่ายดอกเบี้ยสำหรับพันธบัตรที่จะครบกำหนดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นเรื่อง "สำคัญมาก" ต่อการคลังของประเทศ

ในความเป็นจริง ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ทรัมป์ได้แสดงจุดยืนแล้ว โดยกล่าวว่าประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เป็น "นายสายไป" และชี้ว่าสิ่งนี้นำไปสู่การนโยบายเศรษฐกิจที่ล่าช้า เขาเน้นว่ายุโรปได้ลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง ขณะที่เฟด "ไม่ได้ขยับ" และย้ำว่า "ควรลดอัตราดอกเบี้ยลงทันทีหนึ่งเปอร์เซ็นต์"

ตลาดตอบสนองทันที ทองคำปรับขึ้นในระยะสั้น

ได้รับผลกระทบจากข้อมูล CPI และคำพูดของทรัมป์ ตลาดตอบสนองอย่างรวดเร็ว CPI สหรัฐในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบจากเดือนก่อน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดเล็กน้อย ตอกย้ำสัญญาณว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุมส่งผลให้ทองคำเกิดการปรับขึ้นในระยะสั้น จนถึงเวลาปัจจุบัน 22:14 น. (เวลาปักกิ่ง) เพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ สู่ระดับ 3330.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์

การตอบสนองของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความเห็นแยกต่างออกไปอย่างมากเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในอนาคตและแนวโน้มเศรษฐกิจ ในปัจจุบัน ผู้ค้าส่วนใหญ่ปรับคาดการณ์เกี่ยวกับความคาดหวังว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้ง

ความผันผวนของตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น โอกาสขึ้นมีจำกัด

แม้อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงจะช่วยสนับสนุนบางส่วนของความรู้สึกบวกในตลาด แต่แนวโน้มการขึ้นของหุ้นสหรัฐกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยนักวิเคราะห์หุ้น Mislav Matejka จาก JPMorgan เตือนว่าตลาดล่าสุดมองโลกในแง่ดีเกินไป โดยมองข้ามปัจจัยลบหลายประการที่สะสมอยู่ เช่น ความตึงเครียดทางการค้าที่ไม่หายไป ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง และการกลับมาของประเด็นเรื่อง "สตักเฟลชัน"

Matejka เสนอว่า หลังจากการดีดกลับที่แข็งแกร่งแล้ว หุ้นสหรัฐอาจเผชิญความเสี่ยงจากการขาดดุลพอลลังในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้บรรยากาศที่รัฐภูมิศาสตร์และทิศทางนโยบายยังไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนอาจปรับการคาดการณ์เกี่ยวกับราคาหุ้นและการเติบโต

เฟดมีท่าทีที่ระมัดระวัง

แม้ว่าตลาดและการเมืองจะเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ย แต่ฝั่งเฟดยังคงระมัดระวังในการดำเนินการ เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนระบุว่าน่าจะต้อง "สังเกตต่อไป" และให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของภาษี น้ำมัน และความต้องการในต่างประเทศที่มีต่อผลกระทบจริงของเงินเฟ้อ จากมุมมองปัจจุบัน เฟดอาจจะทำการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายน

เครื่องมือ FedWatch จากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ชิคาโก (CME) แสดงความเป็นไปได้ที่ต่ำมากในการลดอัตราดอกเบี้ยในที่ประชุมเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้เดือนกันยายนเป็นหน้าต่างสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจต่อไป

การต่อสู้เชิงนโยบายและการต่อสู้เชิงตลาด

โดยสรุป การเรียกร้องอีกครั้งจากทรัมป์แม้จะเป็นการแสดงออกของจุดยืนทางการเมืองโดยตรง แต่ความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงกลไกการตัดสินใจของเฟดหรือไม่นั้นยังต้องคอยดูกันต่อไป CPI แม้ว่าจะอ่อนลงแต่ยังไม่ลดลงถึงระดับเป้าหมาย ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ทำให้เส้นทางนโยบายของเฟดต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น

นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับผลการประชุม FOMC ครั้งต่อไปและแถลงการณ์จากประธานเฟด ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับทิศทางของตลาดในอนาคต

ตลาดมีความเสี่ยง และการลงทุนควรทำด้วยความระมัดระวัง บทความนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุน สถานการณ์ทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ ผู้ใช้ควรพิจารณาว่าความคิดเห็น มุมมอง หรือข้อสรุปในบทความนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนหรือไม่ การลงทุนจากข้อมูลนี้ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัว