การทดลองของเฟดจบลงแล้ว และกำลังจะเริ่มการทดลองครั้งใหม่
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ได้ปรับขึ้นอัตราอัตราดอกเบี้ย 75 จุดเบสิส ซึ่งเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในการประชุมครั้งเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ทั้งๆ ที่เมื่อสองวันก่อน ตลาดยังเชื่อว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 50 จุดเบสิสอยู่เลย สิ่งที่ทำให้ตลาดลงทุนเปลี่ยนความเชื่อคือบทความใน Wall Street Journalที่วิเคราะห์เอาไว้เป็นอย่างดีจนทำให้คนในวอลล์สตรีทเปลี่ยนความคิดกลายเป็น 75 จุดเบสิสในทันที ต้องยอมรับว่านี่ถือเป็นปรากฎการณ์อันน่าทึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน แม้จะทราบมานานแล้ว WSJ เป็นเหมือน "กระบอกเสียงของเฟด" ที่พวกเขาใช้ประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยเห็นครั้งไหนที่ตลาดลงทุนจะพร้อมใจกับปรับการวิเคราะห์ด้วยความเชื่อมั่นเสมือน 100% ในชั่วข้ามคืนจากเพียงแค่บทความเดียว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและแถลงการณ์เมื่อวันพุธถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% หมายความอีกอย่างหนึ่งได้ว่าธนาคารกลางยอมรับในที่สุดว่าอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะทรงตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ (คำพูดอย่างเช่น "คณะกรรมการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับคืนสู่ระดับเป้าหมายเดิมที่ 2 เปอร์เซ็นต์ หรือตลาดแรงงานจะยังคงแข็งแกร่ง" หายไปแล้ว) ดังนั้นเราจึงสามารถประเมินได้คร่าวๆ ว่าอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะต้องสูงขึ้น แม้ว่าเฟดจไม่พูดออกมาตรงๆ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำไข่เจียวนี้ได้ โดยไม่ทำลายไข่แดง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงปฏิเสธที่กับข้อเท็จจริงที่ว่านี่เป็นข้อผิดพลาดของนโยบายการเงินทั้งหมด เป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับฉันเสมอที่เมื่อผู้กำหนดนโยบายทำผิดพลาดครั้งใหญ่ พวกเขามักจะคิดว่าไม่มีใครเห็นความผิดพลาดที่กำลังจะเกิดขึ้น ในอดีต Greenspan เคยทำให้ตลาดเทคโนโลยีต้อง และในยุคของเบอร์นันเก้ก็เลยทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยต้องซบเซามาแล้่ว แต่ครั้งนี้เป็นมากกว่าความผิดพลาด นี่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายโดยเจตนา ตามแนวคิดทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ที่ว่าหากเศรษฐกิจไม่ได้รับการจ้างงานเต็มที่ รัฐบาลสามารถใช้เงินจำนวนเท่าใดก็ได้และธนาคารกลางก็สามารถพิมพ์ได้ และจะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ที่เย้ายวนสำหรับรัฐบาลและภาครัฐแต่งี่เง่าสำหรับภาคประชาชนอย่างสิ้นเชิง สองปีที่ผ่านมาเป็นเพียงการทดลองตามทฤษฎีนั้น การใช้จ่ายจำนวนมากของรัฐบาลซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากการขายพันธบัตรที่เฟดซื้อทันทีนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ (MMT) ในเดือนมกราคม 2021 ผู้คนจำนวนมากเห็นความจริงของแผนเช่นนั้นที่ซ่อนอยู่ รวมทั้งผมด้วย แสดงความเห็นทันทีหลังจากที่เช็คหลอกครั้งแรกหมดไป ผมจำได้ว่าเคยเขียนว่า: “ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่าเมื่อสิ่งต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น และอาจมากกว่าที่เราจะจะนตนาการได้ ช่วงเวลานี้คือการทดลอง! ทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ระบุว่าคุณสามารถพิมพ์สิ่งที่คุณต้องการได้โดยไม่มีผลใดๆ ภายใต้ข้อจำกัดที่ไม่ผูกมัด คนสุดท้ายที่เสนอความมั่งคั่งให้ฉันโดยไม่มีความเสี่ยงคือเจ้าชายชาวไนจีเรีย และฉันก็ไม่เชื่อเขาเช่นกัน ฉันจะบอกว่าถ้า (MMT) ใช้งานได้ แสดงว่าเราทำนโยบายการเงินที่ผิดพลาดมาหลายร้อยปีแล้ว (แต่แล้วเราก็หลอกคนมารักษามาหลายร้อยปีแล้วเช่นกัน) และคำอธิบายทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเรานั้นผิด และใครบางคน จะต้องอธิบายว่าทำไมในอดีตระดับราคามักจะเป็นไปตามปริมาณเงินที่ปรับตาม ตัวเลข GDP” และผมก็เคยพูดแบบนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2020 และในเดือนมีนาคม 2020 แน่นอนว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่คิดแบบนี้ มีมที่ “MMT” ย่อมาจาก “Magic Money Tree” นั้นยังคงเป็นความจริง ดังนั้นไม่มีทางเลยที่เฟดจะไม่รู้ว่าอนาคตถ้าหากเพิ่มเงินเข้าไปในระบบแล้ว เหตุการณ์มันจะออกมาเป็นเช่นไร การคาดการณ์ล่วงหน้าคือพฤติกรรมนี้จะกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก และพวกที่เชื่อใน MMT ก็จะพูดว่า "ชู่วว์" พวกเขาคิดผิด และการทดลองนั้นจบลงแล้ว คนต่อไปที่พูดถึง MMT ในเชิงลบ หรือตั้งข้อสงสัยก็จะถูกขับออกจากลัทธิ แต่ข่าวร้ายในตอนนี้คือ เรากำลังจะถูกเริ่มการทดสอบใหม่ ซึ่งแตกต่างจากการทดสอบครั้งล่าสุด เป็นครั้งแรกที่เรากำลังจะได้เห็นเฟดพยายามควบคุมเงินเฟ้อสูงโดยเปลี่ยนเฉพาะราคาของเงิน โดยไม่กระทบถึงปริมาณเงินในระบบที่มีจนล้นเลย เมื่อก่อนเฟดเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยโดยกดดันเงินสำรอง ธนาคารที่ต้องการให้กู้ยืมต่อไปต้องเสนอราคาเพื่อครอบครองสินทรัพย์สำรองเหล่านั้น อัตราดอกเบี้ยจึงสูงขึ้น อย่างที่ผมเคยเขียนเอาไว้ในหนังสือ “What’s Wrong With Money?การทดลองของเฟดจบลงแล้วและกำลังจะเริ่มการทดลองครั้งใหม่ตลาดโบรกเกอร์ ตลาดเทรดเดอร์”เมื่อหกปีที่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่วิธีการทำในวันนี้ ธนาคารอาศัยอยู่ในโลกที่การให้กู้ยืมไม่ได้ถูกจำกัดด้วยปริมาณเงินสำรอง และมีเพียงข้อจำกัดด้านเงินทุนเท่านั้น การเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย โดยไม่กดดันเงินสำรอง เพื่อฉุดการเติบโตของปริมาณเงินในระบบ เป็นการทดลองตาม MMT เฟดมีโมเดล มีความเชื่อในแบบของพวกเขาเอง จากสิ่งที่เราเพิ่งผ่านมา คุณมีความมั่นใจเพียงใดกับผลการทดลองของเฟด หากธนาคารมีอำนาจในการให้กู้ยืมแบบไม่จำกัด อาจหมายถึงเงินที่มากขึ้นไม่ใช่น้อย นั่นเป็นเพราะว่าธนาคารมีความยืดหยุ่นมากในการจัดหาเงินกู้ที่ให้ผลกำไร ให้สเปรดมากขึ้นหรือให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินทุน แล้วพวกเขาจะให้ยืมเงินจำนวนมหาศาล ในทางกลับกัน ผู้กู้มักจะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า หากคุณเป็นผู้บริโภคที่มีสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค 11% และสูงถึง 12% นั่นจะทำให้ผู้กู้ยืมน้อยลงจริงหรือ แหล่งที่มาของสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นที่หนึ่งที่คุณจะเห็นการตอบสนองความต้องการที่ยืดหยุ่นในอัตราที่สูงขึ้น แต่น้อยกว่าที่คุณคิดเมื่อราคาบ้านเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี กล่าวโดยย่อ ถ้าคุณไม่ยับยั้งธนาคารด้วยการกดดันเงินสำรอง ผมขอเดาว่าเป็นไปได้มากที่คุณจะได้รับเงินกู้มากขึ้นไม่น้อย ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น สิ่งที่ทำให้ฉันกังวลในตอนนี้คือ เรารู้ว่านี่เป็นการทดลอง อาจเป็นการทดลองที่งี่เง่า หรือเป็นเพียงข้ออ้างในการกู้ให้รัฐบาลโดยชอบธรรม โดยอ้างว่าเพื่อต่อสู้กับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจาก COVID เมื่อเราพูดถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ย มีคนจำนวนน้อยที่คิดว่าเฟดกำลังทำอะไรใหม่ๆ ผู้คนคิดว่าเฟดมักจะดำเนินการโดยขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะเรา "รู้" ว่า "นโยบายที่เข้มงวดขึ้น" มีความหมายเหมือนกันกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ปัญหาคือเราไม่เคยรู้อย่าลึกซึ่งจริงๆ ถึงกระบวนการว่าพวกเขาทำงานกันอย่างไร มันอาจจะเป็นเพียงตัวเลขลอยๆ ที่ตั้งขึ้นให้สาธารณะชนเอาไปอ้างอิงได้ เมื่อเฟดกำลังคิดอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% กลไกที่แม่นยำนั้นไม่สำคัญ การกระทำของเฟดอาจไม่มีความหมาย หรือไม่ได้ทำอะไรที่มันต่างไปจากเดิมเลยก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งยวด มีเหตุผลบางอย่างที่ NASA ทดสอบจรวดโดยไม่มีใครอยู่บนเครื่อง ก่อนที่พวกเขาจะหาใครสักคนขึ้นไปอยู่บนนั้น แม้ว่าผู้เข้าร่วมการทดลองนี้จะไม่สมัครใจก็ตาม สุดท้าย ผมก็หวังว่าการทดลองครั้งใหม่ของเฟดจะจบลงได้ดีกว่าช่วงสองปีก่อน
คำแนะนำที่เกี่ยวข้อง
-
TMGM与VFSC于悉尼深度交流,共筑数据安全长城!
-
ทองคำปรับตัวขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่าจากความกังวลการเติบโตเศรษฐกิจ โดย
-
หุ้นยุโรปเปิดผสม กิจกรรมทางตลาดเงียบเหงาเนื่องจากวันหยุดในสหรัฐฯ โดย
-
นักวิเคราะห์คริปโต คาดหลังจบช่วงตลาดขาลง ราคาของ ADA อาจจะฟื้นตัวพุ่งขึ้นถึง $1
-
EUR/USD strengthens as trade war concerns ease.
-
ตลาดหมียังอยู่! Bitcoin ร่วงต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์อีกครั้ง โดย Cryptosiam
- เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้
-
- Friend.tech ทำรายได้ค่าธรรมเนียมมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมง
- ประธาน SEC คาดการณ์ บิทคอยน์มีศักยภาพเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ได้ โดย Cryptosiam
- ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสัปดาห์นี้ นักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากภาวะถดถอย โดย
- ราคาน้ำมันปรับตัวลงเนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นของอุปทานที่มากขึ้น โดย
- เหรียญมีม$TRUMP ของทรัมป์ 'การพนันมากกว่าการลงทุน' เตือน Green ของ deVere โดย
- Celsius ไล่พนักงานออก 150 คน เซ่นพิษตลาดขาลง Crypto โดย Siamblockchain
- หุ้นยุโรปอ่อนตัว แนวโน้มหุ้นบริษัท Micron ส่งผลต่อภาคเซมิคอนดักเตอร์ โดย
- ราคาน้ำมันร่วง ตลาดหวั่นเศรษฐกิจถดถอย อุปทานตึงตัว โดย
- แรงกดดันด้านเงินเดือนอาจผลักดันให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- Jaymart เปิดตัว JFIN Chain! พร้อมตั้งบริษัทใหม่เข้าดูแล โดย Cryptosiam
- การอ่านแบบสุ่ม
-
- วอลเลอร์กลายเป็นตัวเต็งใหม่ของธนาคารกลางสหรัฐ
- Cathie Wood กำลังปลอบใจนักเทรด กล่าวตลาดคริปโตจะดีขึ้นในระยะยาว โดย Siamblockchain
- ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสัปดาห์นี้ นักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากภาวะถดถอย โดย
- ดอลลาร์ทรงตัว อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี โดย
- บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ...
- ทองคำเจอแรงกดดันจากการดิ่งลงของสินค้าโภคภัณฑ์ในวงกว้าง
- Meta เปิดตัว Wallet ใหม่! สามารถชำระเงินผ่านทางโลก Metaverse ได้ โดย Cryptosiam
- ราคาบ้านใหม่ของจีนเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้นเล็กน้อยในเดือนมิถุนายน โดย
- ศาลสหรัฐฯ อนุมัติข้อตกลงระหว่าง Binance.US และ SEC
- Cathie Wood กำลังปลอบใจนักเทรด กล่าวตลาดคริปโตจะดีขึ้นในระยะยาว โดย Siamblockchain
- นักธุรกิจชื่อดังลั่น! ไม่คิดขายคริปโตแม้แต่แดงเดียว โดย Cryptosiam
- MicroStrategy ซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 480 BTC ตอนนี้ถืออยู่ 129,699 BTC โดย Siamblockchain
- บทวิเคราะห์ USD/CNY 14 กุมภาพันธ์ 2568
- MicroStrategy ซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 480 BTC ตอนนี้ถืออยู่ 129,699 BTC โดย Siamblockchain
- ราคาก๊าซธรรมชาติของยุโรปพุ่งขึ้นอีกครั้งเนื่องจากการนัดหยุดงานในนอร์เวย์ โดย
- ดอลลาร์ปรับตัวลง แม้ธนาคารกลางมีโทนแข็งกร้าวต่อเงินเฟ้อ โดย
- หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐปรับตัวขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดย
- ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสัปดาห์นี้ นักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากภาวะถดถอย โดย
- ไปต่อไม่ไหว! Meta เล็งปิดกระเป๋าคริปโต Novi หลังทดสอบเพียง 10 เดือน โดย Cryptosiam
- Tesla เตรียมรายงานขาดทุนกว่า 440 ล้านดอลลาร์จากการถือครอง Bitcoin โดย Siamblockchain
- ค้นหา
-
- ลิงค์ที่เป็นมิตร