ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หุ้นเทคโนโลยีแข็งแกร่ง นโยบายภาษีของทรัมป์ส่งผลต่อความเชื่อมั่นตลาด

ในช่วงเช้าวันอังคารตามเวลาปักกิ่ง ตลาดหุ้นสหรัฐปิดที่สูงขึ้น โดยหุ้นเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ราคาหุ้นของ Palantir พุ่งขึ้น 24% นำดัชนีส่วนประกอบของ Nasdaq ขึ้น ตลาดยังคงจับตามองนโยบายการค้าของทรัมป์ โดยเฉพาะข้อพิพาทภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แคนาดา และเม็กซิโก พร้อมทั้งประเมินผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่จะประกาศและข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่จะออกมา

โดยเฉพาะ Dow Jones เพิ่มขึ้น 134.13 จุด ปิดที่ 44,556.04 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.30%; Nasdaq เพิ่มขึ้น 262.06 จุด ปิดที่ 19,654.02 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.35%; S&P 500 เพิ่มขึ้น 43.31 จุด ปิดที่ 6,037.88 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.72%

Palantir มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ราคาหุ้นปิดบวกขึ้น 24% โดยทางบริษัทได้รายงานว่า ยอดขายในเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 64% และคาดการณ์ยอดขายทั้งปีเกินกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ ทำให้เป็นที่สนใจของตลาด

ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่เผยแพร่ล่าสุดโดยสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐแสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งงานว่างในเดือนธันวาคมของสหรัฐลดลงจาก 8.16 ล้านเหลือ 7.60 ล้าน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดแรงงาน สนับสนุนมุมมองของเฟดที่ตลาดแรงงานไม่ก่อให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออีกต่อไป

นอกจากนี้ คำสั่งซื้อโรงงานของสหรัฐในเดือนธันวาคมลดลง 0.9% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

นโยบายภาษีของทรัมป์ยังคงส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของตลาด เพื่อเป็นการตอบสนองต่อการเพิ่มภาษีของสหรัฐฯ รัฐบาลจีนประกาศว่าจะเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับสินค้าบางชนิดของอเมริกา รวมถึงถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบ ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพิ่มภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจากจีนทั้งหมด ซึ่งถูกวิเคราะห์ว่าเป็นการละเมิดกฎขององค์การการค้าโลกอย่างร้ายแรง และทำลายความสัมพันธ์ทางการค้าโลกอย่างร้ายแรง

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดผันผวนคือ การที่ทรัมป์ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ภาษีกับสินค้าจากเม็กซิโก ทำให้นักลงทุนมีอารมณ์เปลี่ยนแปลง ในวันดังกล่าวตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตัวด้อยค่าลงมาก โดย Dow Jones ลดลงกว่า 600 จุด แต่หลังจากการประกาศเลื่อนการบังคับใช้ภาษีของทรัมป์ ดัชนีสามตัวย้อนกลับเพิ่มขึ้น แม้จะยังคงลดลงในสัดส่วนที่ต่ำกว่าในที่สุด Dow Jones ปิดลดลง 0.28% S&P 500 ลดลง 0.76% และ Nasdaq ลดลง 1.2%

นักวิเคราะห์ระบุว่าการเก็บภาษีของทรัมป์จะสร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะผลกระทบต่อการบริโภคของผู้บริโภคและกำไรของบริษัท นักวิเคราะห์จาก JPMorgan และ Goldman Sachs เตือนว่าความไม่แน่นอนของภาษีอาจยับยั้งการเติบโตของกำไรของดัชนี S&P 500 ในปี 2025 และเพิ่มความเสี่ยงของหยุดชะงักการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ

ในด้านหุ้นเดี่ยว ๆ Google ถูกสอบสวนเรื่องการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีน ทำให้ราคาหุ้นของ Google ลดลงเล็กน้อยหลังจากข่าวแพร่ออกไป Morgan Stanley ลดคาดการณ์การจัดส่ง GB200 ของ Nvidia ในปี 2025 ขณะที่รายได้ของ Merck, Pfizer และบริษัทอื่น ๆ ไม่ตรงตามที่คาดการณ์ของตลาด Tesla ได้ประกาศว่าจะมีการจัดจำหน่ายแบตเตอรี่เก็บพลังงานขนาดใหญ่พิเศษ Megapack ในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ Palantir คาดการณ์ว่ารายได้ของปี 2025 จะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ในขณะที่ Sirius XM ได้รับการเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น 2.3 ล้านหุ้นจาก Buffet และ Paypal รายงานรายได้เกินกว่าที่คาดการณ์หลังเปิดเผยรายงานการเงิน

โดยรวมแล้ว หุ้นเทคโนโลยียังคงมีความแข็งแกร่ง แต่ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของทรัมป์และการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนระมัดระวังเกี่ยวกับทิศทางตลาดในอนาคต

ตลาดมีความเสี่ยง และการลงทุนควรทำด้วยความระมัดระวัง บทความนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำการลงทุนส่วนบุคคล และไม่ได้คำนึงถึงเป้าหมายการลงทุน สถานการณ์ทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ ผู้ใช้ควรพิจารณาว่าความคิดเห็น มุมมอง หรือข้อสรุปในบทความนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนหรือไม่ การลงทุนจากข้อมูลนี้ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัว