ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.78 อ่อนค่าจากวานนี้ กังวลทิศทางดบ.เฟด

InfoQuest - นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.78 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 36.71 บาท/ดอลลาร์เงินบาทอ่อนค่าเทียบท้ายตลาด เนื่องจากเมื่อคืนนี้ดอลลาร์เด้งขึ้น หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาระบุว่าปีนี้อาจไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ย ถ้าเงินเฟ้อไม่ลงต่อ นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลเรื่องความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง เข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยดอลลาร์และเยนสำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ Fund Flow ต่างชาติ และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ส่วนคืนนี้ตลาดรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯนักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.60 - 36.85 บาท/ดอลลาร์SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 36.78750 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.78 อ่อนค่าจากวานนี้ กังวลทิศทางดบ.เฟด

- เงินเยนอยู่ที่ 150.98 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 151.74 เยน/ดอลลาร์- เงินยูโรอยู่ที่ 1.0832 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0859 ดอลลาร์/ยูโร- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.676 บาท/ดอลลาร์- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 67 ระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย. 67 คาดจะมีเงินหมุนเวียน 41,ภาวะตลาดเงินบาทเปิดอ่อนค่าจากวานนี้กังวลทิศทางดบเฟดบริษัทซื้อขายออนไลน์500 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มี 26,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 55% จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและวันหยุดพิเศษที่ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวทำให้มีวันหยุดยาวรวมกันหลายวัน จึงเป็นโอกาสให้กลับภูมิลำเนาท่องเที่ยวพักผ่อน ใช้ชีวิตกับครอบครัว โดยแนะภาครัฐส่งเสริมต่อยอดและวางแผนการกำหนดวันหยุดให้มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างเงินให้สะพัดในภาคการท่องเที่ยวไทย- บีโอไอลุยโรดโชว์จีน ดึงผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลก ตั้งฐานอุตสาหกรรมต้นน้ำระดับเซลล์ในประเทศไทย ด้าน GIT เผยยอดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ก.พ.67 มูลค่า 1,125.22 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 10.96%- "ท่าอากาศยานอู่ตะเภา" ลุยทำการตลาด "จีน-อินเดีย-กัมพูชา-มาเลย์-ไต้หวัน" ดึงแอร์ไลน์เปิดบินตรง ตั้งเป้าปี 67 มีผู้โดยสาร 6 แสนคน มั่นใจนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเดินทางเพิ่มมากขึ้น- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิสได้แสดงความเห็นล่าสุดเมื่อวานนี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ หากเงินเฟ้อของสหรัฐไม่ชะลอตัวลงตามที่เฟดคาดหวังไว้ พร้อมกับกล่าวว่าในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย(Dot Plot) ในการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น เขาเป็นหนึ่งในกรรมการเฟดที่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย2 ครั้งในปีนี้ แต่ขณะนี้เขามองว่าหากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นขณะที่ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวสนับสนุนให้เฟดใช้เวลามากขึ้นในการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเขามองว่าการที่เศรษฐกิจมหภาคและตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากในขณะนี้ ทำให้เฟดจำเป็นต้องจับตาทิศทางเงินเฟ้ออย่างระมัดระวัง- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 6.89 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.73 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.2% สู่ระดับ 3.319 แสนล้าน และการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.3% สู่ระดับ 2.630 แสนล้านดอลลาร์- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (4 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของเฟด- ราคาทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (4 เม.ย.) โดยขยับลง 6.50 ดอลลาร์ หรือ0.28% ปิดที่ 2308.50 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม โอซีบีซี (OCBC) ซึ่งเป็นธนาคารของสิงคโปร์คาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อไปในระยะกลาง ทั้งนี้ OCBC ระบุในรายงานล่าสุดว่า "หลักฐานในอดีตนับตั้งแต่ปี 2544 แสดงให้เห็นว่าราคาทองคำจะปรับตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเฟดยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะพุ่งขึ้นต่อไปเมื่อเฟดเริ่มวงจรปรับลดอัตราดอกเบี้ย- นักลงทุนเริ่มจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันอีกครั้ง ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะยิ่งทำให้เงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น โดยขณะนี้ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 86 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว อันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง- ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 68,000 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ขณะที่เริ่มเข้าใกล้ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์- ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ในวันนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานและหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่ง ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9% ในเดือนมี.ค.

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: