ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

มองไปข้างหน้ายังมีอุปสรรค ... SET ขึ้นยาก

แม้จะเห็นการปรับลด GDP โลก จากทั้ง World Bank และ OECD โดยกลุ่ม ประเทศยุโรป ถูกปรับลดลงมากที่สุด แต่จากพัฒนาการของสถานการณ์ ไม่ว่าจะ เป็นเรื่องพลังงาน เงินเฟ้อ และดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว ยังเห็น Downside เพิ่มเติม ส่วนภาพตลาดยังต้องรอติดตาม 2 เหตุการณ์ที่สำคัญ คือการการประชุม Fed ใน วันที่ 27 ก.ค. ซึ่งคาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.75 – 1% และ การ ประกาศ GDP งวด 2Q65 ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนใน บ้านเรามีประเด็นเรื่อง Zipmex ที่ประกาศระงับการถอนเงินทั้งเงินบาท และ คริป โต เป็นการชั่วคราว ซึ่งโดย Sentiment น่าจะมีผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจ Crypto Currency โดยอาจทำให้ปริมาณธุรกิจที่เกิดขึ้นจริงต่ำกว่าประมาณ การ คาดว่า SET Index ยังอยู่ในภาวะที่ปรับขึ้นได้ยาก

คาด SET Index ถูกกดดันอยู่ภายใต้กรอบ 1515 – 1547 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ให้ Cut Loss หุ้น OSP และให้ถือเงินสดเพิ่มจาก 20% เป็น 30% รอจังหวะซื้อเมื่อ ตลาดปรับฐาน หุ้น Top Pick เลือก CRC และ TRUE

มองไปข้างหน้ายังมีอุปสรรค ... SET ขึ้นยาก

เศรษฐกิจโลกยังมีDOWNSIDE จากหลากปัจจัยลบ ดันต่อตลาดหุ้นต่อไป

แม้วานนี้ดัชนีสหรัฐฯปิดบวกราว 0.15-1.6% ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ได้รับแรงหนุนจากผล ประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน หลังล่าสุดประกาศมาแล้ว 66 บริษัท(จาก ทั้งหมด 498 บริษัท) มีกำไร Surprise ราว 4.2% และกลุ่มที่ Earning Surprise ได้แก่ กลุ่ม การแพทย์(+8%) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์(+16%) และICT(+5%) โดยล่าสุด Netflix (NASDAQ:NFLX) เผย EPS ไตรมาส 2 อยู่ที่ 3.20 ดอลลาร์ สูงกว่าคาดที่ระดับ 2.94 ดอลลาร์ ขณะที่จำนวน สมาชิกที่จ่ายค่าบริการเน็ตฟลิกซ์ทั่วโลก ลดลงเพียง 970,มองไปข้างหน้ายังมีอุปสรรคSETขึ้นยากตัวแทนจำหน่ายหลักในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ000 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ว่า จะลดลงมากถึง 2 ล้านราย ทำให้ราคาหุ้นดีดตัวราว 7%

อย่างไรก็ตามปัจจัยต่อภาพรวมเศรษฐกิจยังมีอยู่สังเกตได้จากการปรับลดคาดการณ์ World GDP Growth ลงมาทั้งในส่วนของ World Bank และ OECD ที่ล่าสุดคาด GDP Growth 2565 อยู่ที่ 2.9% และ 3.0% ตามลำดับ ซึ่งล่าสุดปลายเดือนนี้ IMF จะปรับ คาดการณ์ World GDP Growth ลงอีกเช่นกัน โดยปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นมีอยู่ 3 อย่าง หลักๆ ดังนี้

1. การส่งก๊าซจากรัสเซียไปยุโรป ซึ่งล่าสุดปูตินเตือนศักยภาพในการส่งก๊าซของ ‘นอร์ด สตรีม 1’ อาจลดลงอีก เนื่องจากกระบวนการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ล่าช้า โดยปูตินกล่าวว่าการส่งก๊าซที่จ่ายให้ยุโรปจะลดลงอีกเหลือแค่ 33 ล้านลูกบาศก์ เมตรสิ้นเดือนนี้หากอุปกรณ์ซ่อมไม่เสร็จ ขณะที่ฝั่งยุโรปลงนามข้อตกลงกับ ประเทศอาเซอร์ไบจาน เพิ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติเป็นสองเท่าภายในอีก 5 ปี ข้างหน้าแล้ว และอียู เรียกร้องชาติสมาชิกให้ลดความต้องการก๊าซลง 15% ในช่วง 2 ไตรมาสข้างหน้า เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ

2. เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง สงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้สินค้าที่ทั้ง 2 ประเทศส่งออก บางส่วนถูกตัดออกจากวงจรการค้า รวมถึงเกิดกระแสการคว่ำ บาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้า เฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์ทางเกษตร และอาหาร ผลักดันราคาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เงินเฟ้อในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วดีดตัวขึ้นมาอยู่ ในช่วง 8-9% โดยล่าสุด อังกฤษประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.+9.4% YoY สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อยและสูงสุดในรอบ 40 ปี

3. การประชุมธนาคารกลาง วันนี้ต้องจับตามการประชุม ECB และ BOJ ว่าจะใช้ นโยบายทางการเงินเชิงรุกมากน้อยเพียงใด โดยท่าทีของ ECB มีโอกาสที่จะขึ้น ดอกเบี้ยมากกว่าคาดที่ระดับ 0.5% เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อไม่ให้สูงไปมากกว่านี้

สรุป คือ แม้มีปัจจัยบวกจากกำไรบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าคาด แต่ ปัจจัยลบยังแฝงอยู่ในตลาดฯ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจยุโรปดังกล่าวข้างต้น การประชุม Fed ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรง และ การประกาศ GDP 2Q65 ว่าจะเข้าสู่ Technical Recession หรือไม่ ทำให้มีโอกาสเห็นตลาดหุ้นผันผวนต่อไปในช่วงต่อจากนี้ โดยวันนี้ คาดกรอบ SET Index ไว้ที่ 1515-1547 จุด

ระดับความมั่นใจในธุรกิจเกี่ยวข้องกับคริปโตลดลง จากตัวอย่าง ZIPMEX

ประเด็น Zipmex ประกาศระงับถอนเงินบาท-คริปโต ทุกกรณีจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม เพื่อรักษารักษาเสถียรภาพของแพลตฟอร์ม โดยบริษัทให้เหตุผลว่า เนื่องจากสถานการณ์ ความผันผวนของตลาด รวมถึงปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นจากคู่ค้าทางธุรกิจหลัก ประเด็นดังกล่าวกดดันให้เหรียญ ZMT ปรับตัวลดลงมากว่า -30% ประเด็นนี้สร้าง Sentiment เชิงลบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่เข้าไปลงทุนใน Zipmex เพื่อต่อยอดธุรกิจ อย่าง PLANB เข้าลงทุนใน Zipmex ด้วยเม็ดเงิน 70 ล้านาท และMACO เข้าลงทุนมูลค่า 140 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าตลาดคริปโตฯ เคยคึกคักมากส่วนหนึ่งเกิดจากการผลักดันจากสภาพคล่อง ส่วนเกินในระบบ แต่ในปีนี้การเร่งขึ้นดอกเบี้ย บวกกับการทยอยปรับลดขนาดงบดุลลง กดดันให้สภาพคล่องในระบบที่ลดลง รวมถึงตลาดคริปโตผันผวนและปรับฐานลงมาแรง อาทิ Bitcoin -50%ytd, Ethereum -58% ytd, Cardano -62% ytd, Solana -75% ytd ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลงน้อยกว่า 7.1%ytd

และปัจจุบันฝ่ายวิจัยจึงทำการรวบรวม ว่ามีบริษัทจดทะเบียนในไทยประกอบธุรกิจ เกี่ยวข้อง Crypto currency และแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ICO portal , รับชำระค่าสินค้า บริการ , ลงทุนใน Crypto currency และ ขุดเหรียญ Bitcoin Mining มีดังนี้

ทั้งผลตอบแทนตลาดคริปโตฯที่ผันผวนมาก กับเหตุการณ์ต่างๆในอุตสหกรรมที่เกิดขึ้น ในอุตสาหกรรม อาจเกิดความความไม่มั่นใจต่อความหวังผลประกอบการจากการ ลงทุนต่อยอดในธุรกิจคริปโตฯ เพิ่มขึ้นได้และถือเป็น Sentiment เชิงลบในช่วงนี้

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: