ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.46 แนวโน้มแข็งค่า จับตาการเมืองไทย

InfoQuest - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.46 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 36.56 บาท/ดอลลาร์นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น ตามการจังหวะการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ หลังรายงานข้อมูลสหรัฐฯ ล่าสุดสะท้อนถึงการชะลอตัวลงมากขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐฯสำหรับสัปดาห์นี้ ประเมินว่าควรระวังความผันผวน จากการเลือกตั้งสภาฝรั่งเศสรอบ 2 และประเด็นการเมืองของไทย และรอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสสำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท มองว่า โมเมนตัมการแข็งค่ากลับมามีกำลังมากขึ้น แต่การแข็งค่าก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อีกทั้งต้องระวังสถานการณ์การเมืองในประเทศที่อาจกดดันฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติได้ นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ และเงินหยวนจีนที่มีผลต่อเงินบาทในช่วงนี้"สถานการณ์การเมืองในประเทศจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีการนัดพิจารณาคดีนายกฯเศรษฐา ทวีสิน โดยศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 10 ก.ค. สถานการณ์การเมืองในประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น Digital Wallet" นายพูน ระบุนายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 36.40-36.55 บาท/ดอลลาร์SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 36.4200 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.46 แนวโน้มแข็งค่า จับตาการเมืองไทย

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 160.52 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 160.68/72 เยน/ดอลลาร์- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0828 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0826/0830 ดอลลาร์/ยูโร- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 36.589 บาท/ดอลลาร์- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อยู่ระหว่างการเจรจากับสายการบิน เพื่อเพิ่มเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองรองของไทยกับเมืองรองของอินเดีย เช่น รัฐปัญจาบ เพื่อกระตุ้นการเดินทางนักท่องเที่ยวอินเดียในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ให้ได้ตามเป้าปี 2567 ที่จำนวน 2.4-2.5 ล้านคน เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 1.8 ล้านคน หลังครึ่งปีแรกมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทยแล้ว1.040 ล้านคน- รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้กระทรวงการคลังจะออกมาตรการลดผลกระทบให้กับผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับภาระการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาล โดยมาตรการที่จะออกมานั้น จะเป็นมาตรการทางภาษีเหมือนเช่นที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับลดหย่อนภาษีในอัตราที่ใกล้เคียงกับต้นทุนที่ผู้ประกอบการแบกรับ ทั้งนี้เมื่อมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะต้องมีมาตรการภาษีมาช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการด้วยเหมือนในอดีตที่เคยทำมา โดยอาจจะให้วงเงินลดหย่อนภาษีที่ 1 เท่าของรายจ่ายค่าแรง หรือมากกว่านั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะสามารถประกาศมาตรการได้ทันทีที่มีการประกาศขึ้นค่าแรง- สำนักงานปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีน (SAFE) เปิดเผยว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนมิ.ย.ของจีนลดลง9.681 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 3.222 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับ 3.232 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.- นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะกลับมาซื้อทองคำครั้ง เนื่องจากต้องการกระจายความเสี่ยงในระบบทุนสำรอง โดยนักวิเคราะห์มองว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางจีนไม่ได้ซื้อทองคำเพิ่มเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 206,ภาวะตลาดเงินบาทเปิดแนวโน้มแข็งค่าจับตาการเมืองไทยดาวน์โหลดแอปเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ fxcm FXCM000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 218,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.- FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า โอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 79% จาก 66% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลจ้างงาน- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ (11 ก.ค.) เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: