ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

คาด SET มีแรงซื้อกลับ แนะเพียงเก็งกำไร

Investment Ideas:

SET ปรับลงต่อ สะท้อนความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวจะนําไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่า คาด - SET วานนี้ ปิดที่ระดับ 1,คาดSETมีแรงซื้อกลับแนะเพียงเก็งกำไรอันดับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ631.92 จุด ลดลง 14.16 จุด (-0.86%) มูลค่าการซื้อขาย 62,744.08 ล้านบาท (ต่ําสุด 1,630.37 จุด และสูงสุดที่ระดับ 1,645.41 จุด) ตลาดหุ้นไทยยังคงตอบรับเชิงลบจาก รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ที่ระดับ 7.1% อาจนําไปสู่การดําเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด รวมถึง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาด ภาพรวมการลงทุนวันนี้: คาด SET ฟื้นตัวระยะสั้น ติดตามการประชุม กนง. วันนี้ - เราคาดว่า SET วันนี้ จะ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,640 จุด คาด SET จะมีแรงซื้อกลับ หลังปรับลดลงทดสอบระดับแนวรับเส้น 200 วัน ตามปัจจัยทางเทคนิค รวมไปถึงแรงกดดันจาก 10yrs, Bond yield ของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง และ การคาดหมายว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมวันนี้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าการฟื้นตัวเป็นเพียง ปัจจัยระยะสัน SET จะยังคงผันผวน เพื่อติดตามข้อมูลในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยประเด็นที่ยังคงต้องติดตาม ได้แ/การประชุม ECB (9 มิ.ย.) เราคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่คาดว่าจะเริ่มส่งสัญญาณในการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป และรายงานเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ (10 มิ.ย.) ที่คาดว่าจะยังทรงตัว ในระดับสูงที่ 8.26-8.3% เทียบกับ เดือน เม.ย. ที่ระดับ 8.3% กลยุทธ์การลงทุน คงหุ้นในพอร์ต 406-45% เน้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เปิดเมือง อาหาร Laggard play หุ้น Defensive และปันผลสูง - กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงน้ําหนักการลงทุนในหุ้น 4096-45% ของพอร์ต เราให้ น้ําหนักหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว (กลุ่มสนามบิน สายการบิน โรงแรม) เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS AAV MINT ERW SHR และ CENTEL หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิด เมืองและเปิดประเทศเราเลือก BH BDMS PTG SUSCO และ BEM หุ้นในกลุ่มอาหาร TUCPF GFPT TFG และ ASIAN หุ้นในกลุ่ม Laggard Play เลือก CK RATCH EGCOGPSC และ BGRIM หุ้นในกลุ่ม Defensive ที่มีความผันผวนตํา เลือก MAKROCPALL และ ADVANC หุ้นในกลุ่มประกัน เลือก TiPH และ BLA หุ้นปัน ผลสูง ตามพอร์ต Core Investment ของเรา ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงาน เราแนะนําทยอย Take-profit ระยะ สั้น ยกเว้น PTTEP ที่ยังคงได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม โดยเราประเมินว่าราคา น้ํามันดิบยังมีโอกาสปรับเพิ่มต่อเนื่องในระยะสั้น จากภาวะอุปทานตึงตัว รวมไปถึงการผ่อนคลายมาตรการ อกดาวน์ของทางการจีน และข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ที่ยังไม่มีความคืบหน้า

คาด SET มีแรงซื้อกลับ แนะเพียงเก็งกำไร

คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่เอกฉันท์ เพื่อส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ เรามอง เป็นลบต่อภาพรวมการลงทุน หากเป็นไปตามคาด SETมีโอกาสลงทดสอบ 1,585-1,550 จุด ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า - เราคาดว่า กนง. จะยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทยในช่วงข้างหน้า แม้เงินเฟ้อของไทยในเวลานี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากก็ตาม อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่า เสียงของการลงมติจะไม่เป็นเอกฉันท์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม กนง. ครั้งต่อไป โดยหลังการประชุมครั้งนี้ กนง. จะเหลือการประชุมในปี 2565 อีก 3 ครั้ง ได้แก่ 10 ส.ค., 28 ก.ย., และ 30 พ.ย. มุมมองของ ธปท. ก่อนหน้านี้ประเมินว่ายังไม่มีความจําเป็นที่จะต้องเร่งปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยในปี 2565 ขณะที่เราประเมินว่า กนง. มีโอกาสที่จะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม รอบเดือน ก.ย. และ พ.ย. อย่างน้อยรอบละ 25bps เพื่อลดความต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ กับไทย และลดแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ที่ออกมาสูงถึง 7.1% อาจเป็นปัจจัยเร่งทําให้ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เราคาดหมายไว้ เนื่องจากแนวโน้มอัตรา เงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. ที่ยังมีโอกาสปรับเพิ่มต่อเนื่องจากจากทั้ง Oil และ Food Inflation ขณะที่อัตราเงิน เฟ้อในช่วง 3Q65 จะยังได้รับผลกระทบจาก low base effect เมื่อเทียบ 3Q64 ที่ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) อยู่ในระดับต่ําจากผลของโควิด-19 ในประเทศ รวมไปถึงการปรับขึ้นของราคาสินค้า และการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) รอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 65 เป็นปัจจัยเร่งอัตราเงินเฟ้อ และเร่งการดําเนินนโยบายการเงิน เข้มงวดมากขึ้น จะเป็นลบต่อ SET หากเป็นไปตามที่เราคาด โอกาสที่ SET จะลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,5851,550 จุด ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า แนะนําลงทุน หุ้นในกลุ่มเปิดเมืองและเปิดประเทศ หุ้นในกลุ่มอาหาร หุ้น ในกลุ่มประกัน หุ้นในกลุ่มปันผลสูง ตามพอร์ต Core Investment ของเรา สัปดาห์นี้ติดตามรายุงานเศรษฐกิจที่สําคัญสัปดาห์นี้ - 8 มิ.ย. : การประชุม กนง. ของไทย (คาดคงอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5%) รายงาน GDP ในช่วง 1Q65 ของยูโรโซน (คาดเพิ่มขึ้น 0.3%QoQ และเพิ่มขึ้น 51%YoY) และรายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ (คาดลดลง 1.35 ล้านบาร์เรล) และคลังสํารอง น้ํามันดิบที่เมือง Cushing/9 มิ.ย. : การประชุม ECB (เราคาดคง ECB จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ใน การประชุมรอบเดือนนี้) และรายงานดุลการค้าของจีน (คาดเกินดุล 5.06 หมื่นล้านเหรียญ) / 10 มิ.ย. : ดัชนี ราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน เดือน พ.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 1.8%YoY เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจากเดือน เม.ย. ที่ เพิ่มขึ้น 2.1%YoY) ดัชนีผู้ผลิต (PPI) ของจีน เดือน พ.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 7.7%YoY เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจาก เดือน เม.ย. ที่เพิ่มขึ้น 8.ด็%YoY) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ (คาด CPI เพิ่มขึ้น 0.79% MoM และเพิ่มขึ้น 8.39%YoY ทรงตัวจากเดอื่น พ.ค. และ คาดว่า Core CPI เพิ่มขึ้น 0.56MoM และเพิ่มขึ้น 5.9%YoY)

ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนํา ได้แก่ " TIPH (แนวต้าน 69.00-72.25 / แนวรับ 61.75-64.25 / Stop loss 57.50) © CK (แนวต้าน 21.4-22.0 / แนวรับ 20.7-20.4/Stop loss 19.6) @ TFG (แนวต้าน 5.35-5.55 / แนวรับ 5.10-5.00 / Stop loss 4.86)

บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: