ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.29 แข็งค่าตามภูมิภาค รอปัจจัยใหม่ จับตามติกนง.พรุ่งนี้ โดย InfoQuest

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.29 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.32 บาท/ดอลลาร์ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.24-34.40 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าสอดคล้องกับเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากตลาดลดความกังวลที่มีต่อวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรปลง จึงทำให้นักลงทุนเริ่มมีการขายดอลลาร์ออกมา อย่างไรก็ดี ระหว่างวันยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามามากนักตลาดรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่า กนง.จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.75% ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ในช่วงนี้ยังต้องติดตามถ้อยแถลงและความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาต่างๆ ที่จะมีต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐในระยะถัดไปนักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.20 - 34.50 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 130.86 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 130.70 เยน/ดอลลาร์- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0815 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0812 ดอลลาร์/ยูโร- ดัชนี ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,ภาวะตลาดเงินบาทปิดแข็งค่าตามภูมิภาครอปัจจัยใหม่จับตามติกนงพรุ่งนี้โดยวิธีเปิดบัญชีที่ Forex Club606.91 จุด เพิ่มขึ้น 13.54 จุด (+0.85%) มูลค่าการซื้อขาย 44,685 ล้านบาท- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,351.46 ลบ.(SET+MAI)- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ประเมินว่าปัญหาสภาพคล่องของภาคธนาคารที่เริ่มต้นขึ้นจากธนาคาร Silicon Valley (SVB) ในสหรัฐฯ จะไม่ลุกลามเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ และไม่กลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจโลกเหมือนเหตุการณ์วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ที่เกิดขึ้นในปี 51 จาก 3 ปัจจัยสนับสนุน คือ 1. ปัญหาในภาคธนาคารสหรัฐฯ ในรอบนี้เกิดจากปัญหาสภาพคล่องไม่ใช่ปัญหาด้านคุณภาพสินทรัพย์ 2. ธนาคารกลางมีประสบการณ์ และมีเครื่องมือพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง และ 3. สภาพคล่องในระบบธนาคารยังมีเพียงพอ- บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) กำลังเริ่มเปิดฉากการตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB) โดยการตรวจสอบดังกล่าว เป็นไปตามคำสั่งของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และมีเป้าหมายที่จะหาความจริงว่าธนาคารทั้ง 2 แห่ง มีพฤติกรรมในทางมิชอบจนนำไปสู่การล้มละลายหรือไม่- ที่ประชุม Boao Forum for Asia เปิดเผยรายงาน โดยคาดการณ์ GDP ในภูมิภาคเอเชียตลอดปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว 4.5% เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.2% ในปี 2565 และภูมิภาคเอเชียจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก สามารถเติบโตได้โดดเด่นสุดเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ ของโลกที่กำลังชะลอตัวลง- ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แนะ BOJ ควรมีความพร้อมในการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC) ควบคู่ไปกับการใช้เงินในรูปแบบอื่น ๆ ที่หลากหลาย เพื่อนำเสนอระบบการชำระหนี้ด้วยสกุลเงินดิจิทัลที่มีความปลอดภัยต่อสาธารณชน- รมว.คลังออสเตรเลีย เตรียมจัดประชุมผู้กำกับดูแลด้านการเงินระดับสูงของประเทศ เพื่อตรวจสอบผลกระทบจากความผันผวนล่าสุดในตลาดการเงินที่มีต่อออสเตรเลีย ภายหลังจากที่ รมว.คลังออสเตรเลีย ได้หารือทางโทรศัพท์เกี่ยวกับความผันผวนที่เกิดขึ้นล่าสุดในตลาดการเงินกับ รมว.คลังสหรัฐ และประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อคืนนี้- ผู้ก่อตั้งบริษัท Doubleline Capital คาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และจำเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องรับมือกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง และมีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!