ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงปรับฐาน เงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways

Economic Highlight

ไฮไลท์สำคัญที่อาจกระทบต่อทิศทางตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ คือ 1) รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในเดือนมกราคม 2) ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง จากฝั่งเฟด,ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงปรับฐานเงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัววิธีตรวจสอบความถูกต้องของแพลตฟอร์ม Forex ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) 3) รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก ส่วนในฝั่งไทย ตลาดจะรอจับตารายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022

ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงปรับฐาน เงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways

**ราคาทองคำ = สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.

  • เงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways ทว่า ก็มีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าทดสอบแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ หากตลาดยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง หรือ นักลงทุนต่างชาติยังเป็นฝั่งขายสุทธิสินทรัพย์ไทย

  • ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยหากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่ได้ชะลอลงอย่างที่ตลาดคาดหวังไว้ กอปรกับท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็อาจยิ่งหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าต่อ กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าทดสอบหรืออาจทะลุโซนแนวต้านได้

  • อีกปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ทิศทางราคาทองคำ ซึ่งอยู่ในจังหวะ “วัดใจ” หลังย่อตัวลงแตะแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอจังหวะซื้อทองคำในช่วงราคาย่อตัว ซึ่งโฟลว์ซื้อขายทองคำ ยังคงมีผลต่อทิศทางค่าเงินบาท

  • เรามองว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่ารุนแรง อย่างรวดเร็ว เพราะบรรดาผู้ส่งออกต่างก็รอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าเพื่อทยอยขายเงินดอลลาร์ ซึ่งต้องลุ้นว่า เงินบาทจะอ่อนค่าทะลุโซนแนวรับได้หรือไม่ เพราะหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวรับ ผู้ส่งออกอาจไม่รีบเข้ามาขายเงินดอลลาร์ ทำให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อถึงระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ในระยะสั้น

  • ในเชิงเทคนิคัล ทั้งสัญญาณจาก RSI และ MACD อาจยังคงชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้ สอดคล้องกับ มุมมองเดิมของเราตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ซึ่งเราได้ประเมินจุดต่ำสุดของเงินบาทในระยะสั้นแถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์

  • ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงปรับฐาน โดยต้องจับตาการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน (หรือโซนแนวรับหลักที่ 1,830-1.840 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ซึ่งอาจเห็นแรงซื้อในจังหวะย่อตัวได้บ้าง

  • เราประเมินว่า ในระยะสั้น ราคาทองคำจะพลิกกลับมาแข็งค่าต่อได้ หาก 1) ตลาดเลิกกังวลแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ย อาทิ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด หรือ อัตราเงินเฟ้อต้องชะลอลงมากขึ้น 2) ตลาดปิดรับความเสี่ยงจากความผิดหวังผลกำไรบริษัทจดทะเบียน หรือ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ อย่าง การบุกยูเครนระลอกใหม่ของรัสเซีย

  • แม้ว่า ในเชิงเทคนิคัล ราคาทองคำมีโอกาสย่อตัวลงต่อ แต่เราคงมุมมองเดิมว่า หากราคาทองคำย่อตัว ก็อาจเป็นการพักฐาน เพื่อปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีเป้าราคาทองคำในปีนี้ที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะ Buy on Dip ใกล้โซนแนวรับ

  • อนึ่ง เราจะประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง หากราคาทองคำปรับฐานหนัก หลุดกรอบแนวรับเทรนด์ขาขึ้น แถว 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Zone Fibonacci Retracement 50%)


 


 

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: