ที่ตั้งปัจจุบัน:หน้าแรก > {คอลัมน์ปัจจุบัน}

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.48 อ่อนค่าเล็กน้อย แนวโน้มแกว่งในกรอบ 33.35

InfoQuest - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.48 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.46 บาท/โดยตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ sideways up แม้เงินดอลลาร์จะแกว่งตัว sidewaysเพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม แต่เงินบาทก็เผชิญแรงกดดันบ้าง หลังราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำ ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังคงร้อนแรงอยู่สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทนั้น โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ แต่เงินบาทก็ยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 33.50 บาท/ดอลลาร์ได้อย่างชัดเจน เพราะตราบใดที่ราคาทองคำยังมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้นได้ จากความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เงินบาทก็อาจไม่สามารถอ่อนค่าลงได้ต่อเนื่องอย่างชัดเจนทั้งนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ หลังผู้เล่นในตลาดไม่เพียงแต่ปรับลดความคาดหวังต่อการ "เร่งลดดอกเบี้ย"ของเฟด แต่ล่าสุดยังปรับลดความคาดหวังต่อการ "ลดดอกเบี้ย" ของเฟดลงบ้าง ซึ่งภาพดังกล่าว ได้หนุนทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ"หากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงมากกว่าคาด หรือรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอลงมากขึ้นชัดเจน ก็อาจกดดันให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดจะทยอยลดดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot หรือมากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ซึ่งอาจกดดันให้เงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงได้"นายพูน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.55 บาท/ดอลลาร์SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.5400 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.80 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 148.00/50 เยน/ดอลลาร์- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0982 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0920/0980 ดอลลาร์/ยูโร- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.448 บาท/ดอลลาร์- "แพทองธาร" ประกาศ 4 วิสัยทัศน์พัฒนาเศรษฐกิจอาเซียน ให้ขยายตัว 4-5% ต่อปี ยกระดับเป็นเซฟโซนสำหรับนักลงทุนรองรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ พร้อมเสนอไทยเป็นสื่อกลางเจรจาสันติภาพ ด้าน "พิชัย" ดันไทยเป็นศูนย์กลาง Data Center ของอาเซียน ชวนนานาชาติลงทุนตั้ง Data Center ในไทย- คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อกังวลต่ออุตสาหกรรมส่งออกจากปัจจัยเงินบาทแข็งค่าว่า จากที่ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสกุลบาทไทยกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 33.33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการแข็งค่าอย่างรวดเร็วมากภายในระยะเวลาประมาณ 5 เดือนเท่านั้น ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่งออกได้รับความเดือดร้อนเพราะการแลกเงินที่ได้รับจากการส่งออกกลับเป็นเงินบาทแลกได้น้อยลง ส่งผลกระทบในอุตสาหกรรมหลายด้าน โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในอนาคตลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อไทยปี 67 ใหม่เป็นคาดขยายตัว 0.2-0.8% จากเดิม 0.0-1.0% แต่ยังมีค่ากลางเท่าเดิมที่ 0.5% เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้ปรับใหม่เป็นขยายตัว 2.3-2.8% จากเดิม 2-3%,ภาวะตลาดเงินบาทเปิดอ่อนค่าเล็กน้อยแนวโน้มแกว่งในกรอบแพลตฟอร์มการซื้อขายฟิวเจอร์สใดน่าเชื่อถือที่สุด ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มต่ำกว่าปีก่อนหน้าโดยไตรมาส 4 ปี 66 เฉลี่ยสูงกว่า 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล แต่ขณะนี้ราว 70 เหรียญ/บาร์เรล และค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 34.5-35.5 บาท/เหรียญสหรัฐฯ จากเดิมกว่า 36 บาท- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมไตรมาสสุดท้ายของปี 67 (ต.ค.-ธ.ค.) คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จากเดิมมีความกังวลว่าเหตุการณ์น้ำท่วมในไทยหลายแห่งอาจกระทบทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวลง แต่ที่ผ่านมากลับพบว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยในช่วงหยุดยาววันชาติจีนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยในช่วง 3 เดือนที่เหลือนี้ หากจะไปให้ถึงเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตั้งไว้ 36.7 ล้านคน จะต้องดึงต่างชาติเที่ยวไทยให้ได้ 10ล้านคนหรือเพิ่มอีก 20% เทียบกับปี 66 ที่ทำได้ประมาณ 7.9 ล้านคน- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (7 ต.ค.)โดยปรับตัวตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4% ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (7 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนลดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด- นักลงทุนลดความคาดหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาด โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนัก 14% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนดังกล่าว- นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. และในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.- นักเศรษฐศาสตร์และเทรดเดอร์ต่างจับตาการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากคณะผู้นำของจีนได้ส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะยุติการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยก่อนที่จะถึงช่วงหยุดยาววันชาติ รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรายการ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การเพิ่มสภาพคล่องเพื่อสนับสนุนการปล่อยกู้ในภาคธนาคาร และให้คำมั่นสัญญาว่าสนับสนุนตลาดหุ้นในวงเงินสูงถึง 3.40 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.48 อ่อนค่าเล็กน้อย แนวโน้มแกว่งในกรอบ 33.35

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!

แบ่งปัน: