มนุษย์จะทิ้งโลกความเป็นจริงไปอยู่ในเมต้าเวิร์สจริงหรือ?
คุณนึกถึงอะไรในทุกๆ ครั้งที่ได้ยินคำว่า “โลกเสมือนจริง” สำหรับคนรุ่นก่อน 90 พวกเขาคิดว่าสิ่งนี้คงเป็นได้เพียงโลกในอุดมคติ สำหรับคนยุค 2000 พวกเขามองว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนอนาคต แต่สำหรับวัยรุ่นยุคนี้ พวกเขามองว่าโลกเสมือนจริงคือสิ่งที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หากศึกษาประวัติศาสตร์ เราจะเห็นว่าทุกครั้งที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเติบโตของอุตสาหกรรมที่รองรับเรื่องเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ทำให้เมืองแมนเชสเตอร์รุ่งเรืองแซงหน้าลิเวอร์พูลอย่างมหาศาล การเข้ามาของอินเตอร์เน็ตเชื่อมโลกทั้งใบเข้าด้วยข้อมูลข่าวสาร และการเกิดขึ้นของเมต้าเวิร์สว่ากันว่าจะเป็นการสร้างโลกดิจิทัลให้กลายเป็นโลกแห่งความจริง แม้กระทั้งผมที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ก็ยังมองภาพไม่ออกว่าโลกเมต้าเวิร์สจะกลายเป็นโลกความจริงได้อย่างไร?มนุษย์จะทิ้งโลกความเป็นจริงไปอยู่ในเมต้าเวิร์สจริงหรือตลาดแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของฮ่องกง จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหนังสือเล่มใด หรือใครคนใดที่สามารถนิยามคำว่า “เมต้าเวิร์ส” (Metaverse) ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เมื่อถามว่าคำนี้คืออะไร ทุกคนจะมีภาพคร่าวๆ ว่าเมต้าเวิร์สคือส่วนผสมระหว่างโซเชียลมีเดีย เกมออนไลน์ และสกุลเงินดิจิทัล ที่กลายเป็น “ความเป็นจริงบนโลกดิจิทัล”ซึ่งการกระทำของคุณบนโลกใบนี้จะส่งผลกระทบถึงโลกความเป็นจริง นิตยสาร Wall Street Journal ได้นิยามเมต้าเวิร์สเอาไว้ว่า “แพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่อยู่เหนือโลกแห่งความจริง ซึ่งผู้คนที่อยู่ในพื้นที่เสมือนจริงสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้อย่างเต็มที่ ผู้คนสามารถซื้อสินค้าในร้านค้าหรือไปงานคอนเสิร์ตกับเพื่อนๆ ได้ราวกับตัวเองได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ในโลกความเป็นจริง” อย่างไรก็ตาม มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก CEO ของบริษัทเฟซบุ๊ก (FB) ที่ช่วงนี้มีข่าวเป็นอย่างมากว่ากำลังต้องการจะเปลี่ยนบริษัทให้กลายเป็นเมต้าเวิร์สกล่าวว่า การจะสร้างเมต้าเวิร์สให้เกิดขึ้นจริงจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์มหาศาล ทั้งการเขียนโค้ด การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ฮาร์ตแวร์ต่างๆ “เมต้าเวิร์สเป็นสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่คุณสามารถมีตัวตนได้จริงๆ กับคนอื่นๆ ในโลกดิจิทัลเดียวกัน คุณสามารถคิดว่าเมต้าเวิร์สเป็นอินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ได้มากกว่าเพียงแค่เฝ้าดู เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นเทคโนโลยีที่มาแทนอินเทอร์เน็ตบนมือถือ” เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ถ้าผมซื้อบิทคอยน์มูลค่า 100 เหรียญในวันนั้น มันจะมีมูลค่ามากกว่า 120 ล้านเหรียญเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อมองย้อนกลับไป ผมละเลยแนวคิดที่ว่าวิดีโอเกมก็เป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง ผมดูลูกๆ ของผมเติบโตขึ้นมาด้วยเกม Super Mario และ Xbox รุ่นล่าสุด ในขณะที่ผมเลิกเล่นวิดีโอเกมหลังเลิกเรียนเพราะไม่มีเวลาทุ่มเทให้กับแพคแมนและเตอร์ติสอีกต่อไป หากจะพูดว่าเมต้าเวิร์สคือโลกที่อยู่ไกลเกินเอื้อมของผมไปแล้วก็คงจะไม่ผิดนัก ผมยังพอเข้าใจได้ว่าทำไมบิทคอยน์ถึงมีค่าในฐานะสินทรัพย์สำรองปลอดภัย แต่เมื่อหันมาถามลูกๆ ผมที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่โลกเมต้าเวิร์ส ผมจินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ ว่ามนุษย์จะมีชีวิตอยู่ในโลกเสมือนจริง โดยที่ไม่ออกมาใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริงได้อย่างไร นี่มาถึงวันที่มนุษยชาติสามารถนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ แล้วเข้าไปทำงาน ใช้ชีวิต บนโลกเสมือนจริง แทนโลกความเป็นจริงแล้วอย่างนั้นหรือ ต้องยอมรับความจริงว่าการถือกำเนิดขึ้นของเทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังปฏิวัติการใช้งานเทคโนโลยีรวมศูนย์แบบเดิมๆ ให้กระจายตัวออกไปสู่ส่วนอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกันมากขึ้น บิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการทำระบบการเงินบนบล็อกเชนเท่านั้น ลองคิดดูว่าจะสะดวกสบายแค่ไหน หากในอนาคตคุณสามารถเข้าโรงพยายาลที่ไหนก็ได้ เพราะพวกเขามีฐานข้อมูลของคนไข้เหมือนกัน สาเหตุที่คริปโตเคอเรนซี่กำลังเฟื่องฟูไม่ใช่แค่เฉพาะในเรื่องของความสะดวกสบายเท่านั้น แต่บล็อกเชนทำให้ผู้คนที่ใช้งานได้เห็นว่าเรื่องของการเงินไม่จำเป็นต้องพึ่งพารัฐอีกต่อไป ถ้าผู้ซื้อและผู้ขายตกลงซื้อขายสินค้ากันด้วยสกุลเงิน ABC การทำธุรกรรมก็สามารถเกิดขึ้นได้ มีหลักฐานรองรับ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบการเงินที่นับวันมีแต่จะเสื่อมค่าลง เพราะการพิมพ์เงินออกมาแก้ปัญหาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น การใช้งานสกุลเงินดิจิทัลและการเชื่อในฟินเทคฯ คือหลักฐานยืนยันว่ามนุษยชาติได้วิวัฒนาการความรู้ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว แต่วิวัฒนาการนั้นต้องการเวลา เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าใจและยอมรับการใช้งานของสกุลเงินดิจิทัลได้ แต่จากการปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ของบิทคอยน์ ตั้งแต่วันที่มีมูลค่าห้าเซนต์ในปี 2010 วันที่มีตลาดฟิวเจอร์สเป็นของตัวเองครั้งแรกในปี 2017 และการมี ETF เป็นของตัวเองในปี 2021 แสดงให้เห็นว่าบิทคอยน์กำลังเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มา: CQG กราฟรายเดือนรูปนี้แสดงให้เห็นขาขึ้นของบิทคอยน์ที่พึ่งขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ $67,680 เมื่อสัปดาห์ก่อน มูลค่าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี้ มาพร้อมๆ กับคำกร่นด่าของผู้ที่ไม่รู้ กล่าวอ้างว่าคริปโตฯ นั้นอันตราย บ้างก็ว่านี่คือฟองสบู่ แต่การเพิ่มขึ้นของมูลค่าเช่นนี้ อาจจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังเหล่าผู้มีอำนาจแล้วว่า ถ้าทำระบบการเงินไม่ดี ก็ให้อัลกอริทึมเป็นผู้กำหนดดีกว่า ผมมักจะนึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตของปู่ย่าตายายของผม พวกเขาผ่านสงครามโลกครั้งที่สองและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ พวกเขาเห็นวิทยุและโทรทัศน์เกิดขึ้นอย่างชนิดที่ว่า “ของมันต้องมี” เข้ามาเปลี่ยนหนังสือพิมพ์และการสื่อสารแบบปากต่อปาก การเปลี่ยนแปลงนี้น่าประหลาดใจสำหรับผู้ที่เกิดในช่วงปลายทศวรรษ 1800 และต้นทศวรรษ 1900 ส่วนยุคของผมนั้นไม่อยากจะพูดให้อายเด็กเลยว่าผมโตมากับการเดินออกจากบ้านไปเช่าแผ่นหนังมาดู ฟล็อปปี้ ดิสก์ เก็บข้อมูลคืออะไรที่ตื่นเต้นมากสำหรับผม และการได้ใช้รถที่เครอะไปด้วยคราบสนิมนั้นคือเท่ที่สุดในช่วงชีวิตของผมแล้ว กลับมาที่เมต้าเวิร์ส ปัญหาอย่างเดียวที่ผมมีกับเรื่องนี้คือ ผมยังคิดไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรควรทำให้มนุษย์ควรตื่นมาแล้วเดินเข้าหาแว่นตาที่ดูล้ำๆ เพื่อเข้าสู่โลกเสมือนจริง แทนที่จะตื่นมา ดื่มกาแฟร้อนๆ แล้วออกไปสูดอากาศธรรมชาติ ในโลกความเป็นจริงให้เต็มปอด แม้ว่าจิตของเราจะสามารถเอาไปอยู่ในโลกเสมือนจริงได้ แต่ร่างกายเรายังนอนเป็นผักอยู่ที่บ้าน แล้วเช่นนั้นเรื่องนี้จะสร้างผลดีให้กับมนุษย์อย่างไร ส่วนตัวแล้วผมมองว่าโลกแฟนตาซีนั้นมีพื้นที่ของตัวเอง และมนุษย์ก็ควรมีพื้นที่ในการออกไปใช้ชีวิตจริงด้วยเช่นกัน ถ้าการติดโซเชียลมีเดียยังก่อให้เกิดปัญหาการเข้าสังคมของเด็กในยุคปัจจุบันได้ขนาดนี้ ผมไม่อยากคิดเลยว่าเด็กรุ่นใหม่กว่านี้ ที่โตมากับเมต้าเวิร์สจะขาดทักษะในการเข้าสังคมมากขนาดไหน หากมองในเชิงการลงทุน ผมเข้าใจดีว่าผมไม่อยากให้นักลงทุนพลาดเหมือนกับสมัยที่บิทคอยน์เคยมีมูลค่าเพียงห้าเซนต์ การตามกระแสเมต้าเวิร์สว่าของใครจะเกิดก่อน ใครจะสำเร็จก่อน ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนควรทำ สำหรับบริษัทเทคฯ ที่กำลังพัฒนาเรื่องนี้อยู่อย่างจริงจัง ผมอยากจะวิงวอนให้ช่วยคิดเรื่องอื่นนอกจากผลกำไรที่จะได้รับด้วย ในขณะที่พวกคุณกำลังเสวยสุขนั้น ผู้บริโภคอยากจะต้องเสียผลประโยชน์ทางอ้อมบางอย่างมากกว่าที่พวกคุณคิด คำสั่ง: เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้แสดงถึงมุมมองของเว็บไซต์ FTI เนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง เลือกอย่างระมัดระวัง! หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ลิขสิทธิ์ ฯลฯ โปรดติดต่อเราและเราจะทำการปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุด!เมต้าเวิร์สคืออะไร?
เทคโนโลยีอยู่รอบตัวเราไปไกลได้มากกว่าที่คุณคิด
วงการฟินเทคฯ คืออนาคต
Bitcoin Futures Chart
นี่คือช่วงเวลาการเติบโตทางเทคโนโลยีที่เด่นชัดมากที่สุด
- เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้
-
- บทวิเคราะห์ USD/CNY 14 กุมภาพันธ์ 2568
- 美联储不急于降息,将采取谨慎政策应对经济与通胀不确定性
- 强劲非农数据推升美元与市场预期,美联储降息或更加谨慎,美股高估值引发潜在回调担忧
- 美国非农数据提振美元指数,美股震荡引发全球市场波动,亚洲股市面临挑战
- GBP/USD steady after UK inflation data release.
- 白宫经济顾问警告特朗普政府干预美联储或引发通胀反弹
- ธนาคารกลางยุโรปคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง การลดดอกเบี้ยยังคงมีช่องว่าง
- 美联储鸽派表态与消费者信心增强提振市场,美元震荡回调
- AUD/USD เผชิญแรงกดดันหลังการประกาศอัตราเงินเฟ้อ...
- 美联储“褐皮书”:2025年美国物价预计仍将上涨,经济活动呈现温和增长
- การอ่านแบบสุ่ม
-
- ศาลสหรัฐฯ อนุมัติข้อตกลงระหว่าง Binance.US และ SEC
- 印度央行行长更替!“鸽派”Sanjay Malhotra接任或为降息铺路,市场预期政策调整
- 特朗普提名财长贝森特出席听证会,强调美元“霸主地位”对美国经济和国家安全的重要性
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเผชิญความผันผวน ตลาดจับตาความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ
- ราคาน้ำมัน WTI บวก ขานรับภาคการผลิตจีนขยายตัวต่อเนื่อง โดย InfoQuest
- 黄金价格承压下跌,降息预期成关键因素,12月市场波动或进一步加剧
- ลูเทนิกกลายเป็นบุคคลสำคัญในนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา
- 美元与国际金价同步上涨:传统负相关关系减弱,运行逻辑深刻变化
- ธนาคารกลางปารากวัยตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อ 3.5% ภายในกลางปี 2026 โดย
- 欧洲央行谨慎推进降息路径 Schnabel强调步伐不宜过快以确保通胀目标稳定
- 美联储理事库克:就业市场强劲,降息需更加谨慎,关注金融稳定潜在风险
- 12月降息悬而未决:美联储票委“边走边看” 强调利率需逐步下调适应经济
- Mitsubishi อาจถอนตัวจากการเจรจาควบรวมกิจการกับ Nissan และ Honda โดย
- 美国12月核心CPI增速放缓 交易员押注美联储年底前或再降息两次
- ทรัมป์เรียกเก็บภาษี 25% ต่อสหภาพยุโรป แผนการเก็บภาษีเม็กซิโกและแคนาดาก็ดำเนินต่อไป
- 法国预算危机搅动市场,国债收益率首超希腊,政局僵局引全球关注
- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดต่ำลง โดยเน้นไปที่รายงานทางการเงินของ Nvidia
- 印度央行行长更替!“鸽派”Sanjay Malhotra接任或为降息铺路,市场预期政策调整
- 美联储12月降息概率达85%,市场转向关注2024年政策路径与全球经济变化
- การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐและการประชุมของ Nvidia ได้รับความสนใจ
- ค้นหา
-
- ลิงค์ที่เป็นมิตร